การออกแบบและพัฒนาภาระงาน
Herman,J.L.(อ้างถึงใน ชอบ ลีชอ
(2555) การประเมินตามสภาพจริง สำนักทดสอบทางการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ)
การออกแบบและพัฒนาภาระงาน ต้องอาศัยหลักวิชา การวิเคราะห์
ความคิดสร้างสรรค์และความเชี่ยวชาญในเนื้อหาสาระในระดับมืออาชีพขั้นตอนการสร้างภาระงานมี
ดังต่อไปนี้
1.การระบุความรู้และทักษะที่ผู้เรียนจะเรียนรู้จากการปฏิบัติงาน โดยเริ่มจากพิจารณาและวิเคราะห์มาตรฐานการเรียนรู้ในหลักสูตร ผลการเรียนที่คาดหวัง
หรือวัตถุประสงค์การเรียนรู้ เพื่อที่จะสามารถระบุขอบเขตและประเภทของความรู้ ทักษะ
และคุณลักษณะที่พึงประสงค์
ผู้สอนควรตั้งปัญหาถามตนเอง 5
ข้อเพื่อที่จะระบุหรือกำหนดความรู้และความสามารถที่ผู้เรียนจะได้รับจากการปฏิบัติภาระงาน
คือ
1.ทักษะทางปัญญาและคุณลักษณะที่สำคัญที่ต้องการให้ผู้เรียนได้ฝึกและพัฒนาคืออะไร
เช่น การสื่อสารด้วยการเขียนอย่างชัดเจนและมีปะสิทธิภาพ
การวิเคราะห์ประเด็นปัญหาโดยใช้ข้อมูลขั้นปฐมภูมิและจากเอกสารอ้างอิง
การใช้หลักพีชคณิตเพื่อแก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน เป็นต้น
2. ทักษะและคุณลักษณะทางสังคม และจิตพิสัยที่ต้องการพัฒนาให้ผู้เรียน
คืออะไร เช่น ลารทำงานโดยอิสระ การปฏิบัติโดยร่วมมือกับผู้อื่น
ความมั่นใจในความสามารถของตน และการรู้จัก รับผิดชอบ เป็นต้น
3. ทักษะความคิดระดับสูงและอภิปัญญา (Meta-cognition) ที่ต้องการพัฒนาให้ผู้เรียนคือ
อะไร เช่น การใคร่ครวญ ตรึกตรอง ทบทวนกระบวนการทำงานของตน(ผู้เรียน)
การประเมินประสิทธิภาพ ของกลวิธีที่คน(ผู้เรียน)ใช้
การพิจารณาและประเมินความก้าวหน้าของตนเอง(ผู้เรียนเป็นระยะ ๆ เป็นต้น
4. ความสามารถที่ต้องการให้ผู้เรียนมีความสามารถอะไร
เช่นความสามารถในการวางแผน ศึกษาค้นเพื่อหาคำตอบให้กับประเด็นปัญหาที่กำหนดให้
ความสามารถจำแนกประเภทปัญหาที่สามารถใช้ หลักการทางเรขาคณิตแก้ได้
การแก้ปัญหาที่ไม่มีคำตอบที่ถูกต้องแน่ชัด เป็นต้น
5.
หลักการทางวิชาการและความคิดรวบยอดที่ต้องการให้ผู้เรียนสามารถประยุกต์ใช้คือ อะไร
เช่น การใช้หลักการทางนิเวศวิทยากำหนดแนวปฏิบัติในการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์
การใช้หลัก คณิตศาสตร์ไตรยางค์ในการแก้ปัญหาเรื่องการซื้อขาย เป็นต้น
2. ออกแบบภาระงานที่ผู้เรียนต้องใช้ความรู้และทักษะ (จากข้อ 1)
ลักษณะสำคัญของงานคือ ต้องกระตุ้นหรือสร้างแรงจูงใจให้กับผู้เรียน มีความท้าทาย
แต่ไม่ยากเกินไปจนผู้เรียนทำไม่ได้ และใน
ขณะเดียวกันต้องครอบคลุมสาระสำคัญทางวิชาและทักษะที่ลึกซึ้ง
เพื่อให้สามารถนำผลการประเมินไปใช้ได้ อย่างสมเหตุสมผลและน่าเชื่อถือ
Herman et al. (1992)
ได้เสนอประเด็นคำถามสำคัญเพื่อให้ผู้สอนพิจารณาในขั้นตอนนี้ คือ
1.เวลาจะต้องใช้เวลาเท่าไร
ผู้เรียนจะพัฒนาความรู้และทักษะที่เป็นเป้าหมายของการ
ปฏิบัติงานในระยะเวลาเท่าไรจึงจะเหมาะสม
เนื่องจากการพัฒนาความคิดรวบยอดที่สำคัญและทักษะ กระบวนการคิดระดับสูง
ความรู้ทักษะมักจะใช้ระยะเวลาในการเรียนรู้ยาวนานพอสมควร ผู้สอน
ผู้ออกแบบควรกำหนดเวลาที่เหมาะสมตามประเภทของสาระสำคัญและความลึกซึ้งของทักษะ
และวัยระดับชั้นเรียน หรือพัฒนาการด้านสติปัญญาของผู้เรียน
2. จะมีหลักการอย่างไร ในการเลือก
ความรู้ ทักษะ และคุณลักษณะที่พึงประสงค์ที่มาและหลากหลาย
เพื่อให้เหมาะสมกับระยะเวลาที่กำหนด หลักการสำคัญคือพิจารณาจากมา เรียนรู้
ให้ความสำคัญกับความรู้ ทักษะ
และคุณลักษณะที่พึงประสงค์ที่สอดคล้องกับมาตรฐานการเรียน หลักสูตรสถานศึกษา
และความรู้ ทักษะ และคุณลักษณะที่พึงประสงค์ที่มีขอบเขตการใช้ประโยชน์กว้างขวาง
และใช้ได้ในสถานการณ์ที่หลากหลาย
3. พิจารณาโลกแห่งความเป็นจริง ผู้สอน
ผู้ออกแบบควรให้ความสำคัญต่อความรู้ ทักษะและคุณลักษณะที่สอดคล้องกับความเป็นจริง
ไม่ควรให้ความสนใจกับสิ่งที่เป็นเพียงอุดมคติแต่ไม่สามารถบรรลุได้ในความเป็นจริง
3.
การกำหนดเกณฑ์การให้คะแนน (Rubrics) หรือเกณฑ์การประเมินที่ชัดเจน เป็นปรนัย เป็นที่ ยอมรับ
และสามารถสะท้อนให้เห็นถึงระดับของผลสัมฤทธิ์ทางด้านความรู้ ทักษะ
และคุณลักษณะที่พึงประสงค์ เกณฑ์การให้คะแนนส่วนมากมักจะอยู่ในรูปตาราง 2 มิติ
ประกอบด้วย
ส่วนหัวของ Rows จะแสดงระดับคุณภาพของความรู้
ทักษะหรือความสามารถของแต่ละ (Colution จำนวน How จะขึ้นอยู่กับจำนวนของระดับคุณภาพที่ต้องการใช้และส่วนมากจะอยู่ระหว่าง 2
- 3 ระดับ
ช่องแต่ละช่องในตารางจะมีคำบรรยายถึงระดับคุณภาพแต่ละระดับของความรู้
ทักษะ หรือ ความสามารถที่ประเมินภาระงานแต่ละชิ้นควรจะมีเกณฑ์การประเมินเฉพาะตัว
เกณฑ์การประเมินที่
ออกแบบมาอย่างดีจะให้ข้อมูลแก่ผู้เรียนว่าจะต้องแสดงความสามารถด้านใดออกมาในระดับใดจึงจะได้
คะแนนเท่าไร
เกณฑ์การประเมินยังเป็นเครื่องมือให้ผู้สอนสามารถประเมินผู้เรียนอย่างเป็นปรนัยและได้ผล
การประเมินที่น่าเชื่อถือ นอกจากนี้ ควรจะมีตัวอย่างผลงาน
พร้อมทั้งระดับคะแนนแต่ละด้านให้นักเรียนได้ ศึกษาประกอบด้วย
หมายเหตุ ผู้สอน ผู้ออกแบบควรจะภาระงานไปทำการตรวจสอบทบทวน แล้วนำไปทดลองใช้
ในภาคสนาม นำผลกลับมาศึกษาวิเคราะห์ และปรับปรุงแก้ไข
ก่อนจะนำไปใช้ในสถานการณ์จริงต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น