จุดมุ่งหมายการศึกษาของบลูม
Bloom และคณะ
(1956) ได้จัดกลุ่มการเรียนรู้ออกเป็นสามประเภท คือ ด้านพูทธพิสัย ด้านทักษะพิสัย
และด้านพิสัยรวมถึงการเรียนร้ และการ ประยุกต์ใช้ความรู้
ทักษะพิสัยรวมถึงการพัฒนาเสรีทางกายและทักษะที่ต้องการใช้กล้ามเนื้อสัมพันธ์กับประสาทจิตพิสัยเกี่ยวข้องกับการได้มาซึ่งเจตคติ
ความซาบซึ้งและค่านิยม การเรียนรู้ทั้ง
สามประการนี้ควรได้รับการพิจารณาในการวางแผนผลที่ได้รับ
จากการเรียนรู้ทีได้จากการเรียนการสอน
ในการที่จะประสบผลสำเร็จตามจุดหมายของการศึกษา ขอบเขต
การเรียนรู้ทั้งสามนี้ต้องได้รับการบูรณาการเข้าไว้ในทุกลักษณะของการเรียนการสอนและการพัฒนาหลักสูตรซึ้งจะทำให้ผู้เรียนกลายเป็นจุดโฟกัสของกระบวนการเรียนการสอนการเรียนรู้ ดังภาพประกอบที่ 1
ภาพประกอบที่ 1 บูรณาการของพุทธพิสัย ทักษะพิสัย
และจิตพิสัย
อนุกรมภิธาน เป็นระบบของการแยกแยะบางสิ่งบางอย่าง ดังนั้น
อนุกรมภิธานของการศึกษา
จึงแยกแยะพฤติกรรมที่นักเรียนสามารถคาดหวังที่จะทำให้ได้ภายหลังจากที่ได้เรียนรู้แล้ว
อนุกรมภิธานเป็นที่รู้จักกันมากที่สุด คือ อนุกรมภิธานด้านพุทธิพิสัยของบลูมและคณะ
พุทธิพิสัย รวมถึง ความรู้ความเข้าใจการนำไปประยุกต์ใช้การวิเคราะห์
การสังเคราะห์และการประเมินค่า
พุทธิพิสัยแต่ละประเภทในอนุกรมภิธานประกอบด้วยองค์ประกอบบางประการของประเภทความรู้ที่ต้องมาก่อนอนุกรมภิธานนี้มีประโยชน์สำหรับการออกแบบหลักสูตรและการสร้างแบบทดสอบ
ตารางที่ 1 อนุกรมภิธานทางปัญญาของบลูม
ระดับพฤติกรรม
|
นิยาม
|
1.ความรู้
|
เกี่ยวข้องกับความจำและระลึกได้ของข้อความจริงเฉพาะคำต่างๆ
สัญลักษณ์ วะนที่ สถานที่ ฯลฯ
กฎ แนวโน้ม ประเภท วิธีการ ฯลฯ
หลักการ ทฤษฎี วิธีการจัดความคิด
|
2.ความเข้าใจ
|
เกี่ยวข้องกับความสามารถที่จะใช้
การเรียนรู้ แปลความ สรุปความ ตีความ ย่อความ ขยายรายละเอียด ทำนายผล
และผลที่ติดตามมา
|
3.การนำไปประยุกต์ใช้
|
เกี่ยวข้องกับความสามารถที่จะใช้ในการเรียนรู้ที่หลากหลายสถานการณ์การใช้หลักการและทฤษฎีการใช้ความเป็นนามธรรม
|
4.การวิเคราะห์
|
เกี่ยวข้องกับการแตกส่วนใหญ่ให้เป็นส่วนย่อยระบุหรือแยกส่วนขององค์ประกอบค้นพบปฏิสัมพันธ์หรือความสัมพันธ์ระหว่างส่วนย่อยเชื่อมโยงความสัมพันธ์ของหลักการ
|
5.การสังเคราะห์
|
เกี่ยวข้องกับการผสมผสานองค์ประกอบเข้าด้วยกันเป็นสิ่งใหม่ระบุและเชื่อมโยงองค์ประกอบต่างๆ
เข้าด้วยกันเป็นการใหม่ๆ จัดการผสมผสานส่วนย่อยต่างๆ
เข้าด้วยกันสร้างสิ่งใหม่ขึ้น
|
6.การประเมินค่า
|
เกี่ยวข้องกับการพิจารณาคุณค่าของวัตถุและวิธีการ
พิจารณาในรูปของมาตรฐานภายในพิจารณาในรูปของมาตรฐานภายนอก
|
ตารางที่ 2 อนุกรมภิธานเจตคติของบลูม
ระดับพฤติกรรม
|
นิยาม
|
1.การรับรู้
|
เกี่ยวข้องกับความตั้งใจทางอ้อมที่มีต่อสิ่งกระตุ้น
การรับรู้ข้อความจริง ความถูกต้อง เหตุการณ์หรือโอกาส ความตั้งใจในการสังเกต
หรือความตั้งใจที่มีต่อภาระงาน เลือกสิ่งกระตุ้น
|
2.การตอบสนอง
|
เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติบางสิ่งบางอย่างเกี่ยวกับสิ่งกระตุ้น
การยินยอมตามทิศทาง การอาสาสมัครด้วยตนเอง ความพึ่งพอใจหรือความร่าเริง
|
3.ค่านิยม
|
การให้คุณค่ากับบางสิ่งบางอย่างเกี่ยวข้องกับการแสดงพฤติกรรมที่สอดคล้องแสดงออกถึงความเชื่ออย่างแข็งขันในบางสิ่งบางอย่าง
แสดงออกถึงความชอบมากกว่าในบางสิ่งบางอย่าง
แสวงหากิจกรรมเพื่อบางสิ่งบางอย่างข้างหน้า
|
4.การจัดการ
|
เป็นการจัดคุณค่าให้มีระบบ
เห็นคุณค่าที่ยึดถือมีความสัมพันธ์กับคุณค่าอื่นๆ ก่อตั้งคุณค่าที่มีลักษณะเด่น
เป็นค่านิยมของตนเอง
|
5.คุณลักษณะ
|
เป็นการกระทำที่สอดคล้องกับระบบค่านิยมหรือคุณค่าภายใน
การกระทำที่สอดคล้องในทิศทางที่มีความแน่ใจ
การพัฒนาปรัชญาชีวิตที่มีความคงเส้นคงวาทั้งหมด
|
ตารางที่ 3 อนุกรมภิธานทางทักษะพิสัย
พฤติกรรมการเรียนรู้
|
นิยาม
|
การเคลื่อนไหวทั่วไป
(Generic movement)
|
ปฏิบัติการเคลื่อนไหวหรือกระบวนการซึ่งให้ความสะดวกต่อการพัฒนาแบบเคลื่อนไหวของมยุษย์
|
1.การรับรู้
|
การจำท่าการเคลื่อนไหว รูปร่าง
แบบและทักษะโดยอวัยวะรับความรู้สึก
|
2.เลียนแบบ
|
เลียนแบบ
แบบการเคลื่อนไหวหรือทักษะในเชิงของผลที่ได้จากการรับรู้
|
3.สร้างแบบ
|
จัดและใช้ส่วนของร่างกายในทิศทางที่ผสมกลมกลืน
เพื่อให้ประสบความสำเร็จในแบบการเคลื่อนไหวหรือทักษะ
|
การเคลื่อนไหวตามปกติ
(Ordinary movement)
|
การพบกับข้อกำหนดของภาระงานการเคลื่อนไหวผ่านกระบวนการของการจัดการแสดงออกและการแก้ไขแบบเคลื่อนไหวและทักษะ
|
1.การปรับตัว
|
ปรับแบบการเคลื่อนไหวหรือทักษะเพื่อให้พบกับภาระงานเฉพาะอย่างที่ต้องการ
|
2.การแก้ไข
|
ความกระตือรือร้นที่จะเคลื่อนไหวอย่างราบเรียบ
แบบการเคลื่อนไหวหรือทักษะที่แสดงออกมีประสิทธิภาพในเชิงแห่งผลของกระบวนการปรับปรุง
เช่น
1.ขจัดการเคลื่อนไหวที่แทรกซ้อน
2.รอบรู้ถึงความสัมพันธ์ของอวกาศกับจังหวะ
3.การแสดงออกทางนิสัยภายใต้สภาวการณ์ที่ซับซ้อน
|
การเคลื่อนไหวอย่างสร้างสรรค์
(Creative movement)
|
กระบวนการในการประดิษฐ์
หรือสร้างสรรค์การเคลื่อนไหวที่เต็มไปด้วยทักษะซึ่งจะสนองความมุ่งหมายของผู้เรียน
|
1.ความหลากหลาย
|
ประดิษฐ์หรือสร้างทางเลือกในการปฏิบัติแบบการเคลื่อนไหวหรือทักษะ (Varying)
|
2.การดัดแปลงโดย
|
การเริ่มท่าการเคลื่อนไหว
การริเริ่มผสมผสานท่าการเคลื่อนไหวไม่ต้องเตรียมตัวm (improvising)
|
3.แต่งท่าการเคลื่อนไหว
|
สร้างสรรค์การออกแบบการเคลื่อนไหว
หรือทักษะที่มีคุณค่า (composing)
|
จิตพิสัย การเรียนรู้ทางเจตคติพาดพิงถึงคุณลักษณะของอารมณ์ของการเรียนรู้
เกี่ยวข้องการว่านักเรียนรู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับประสบการณ์การเรียนรู้
รู้สึกอย่างไรกับการเรียนรู้กับตนเอง และเป็นการพิจารณาความสนใจ ความซาบซื้ง
เจตคติค่านิยมและคุณลักษณะของผู้เรียน
ทักษะพิสัย เกี่ยวข้องกับทางร่างกายหรือทักษะทางประสาทและกล้ามเนื้อสัมพันธ์กัน
ในการเฝ้าดูการเรียนรู้ที่จะเดินก็จะเกิดความคิดว่ามนุษย์เรียนรู้ทักษะการเคลื่อนไหวอย่างไรเมื่อเด็กได้รับความคิดว่าต้องการอะไร
และมีทักษะที่ต้องมีมาก่อนมีความแข็งแรง และวุฒิภาวะเเละอื่นๆ เด็กจะพยายามมีความหยาบๆ
ซึ่งจะค่อยๆ แก้ไขผ่านข้อมูลกลับ อันมาจากสื่งแวดล้อม เช่น ธรณีประตู การหกล้ม
พรมผู้ปกครอง และสุดท้ายทักษะการแสดงออกซึ่งมีคุณค่าต่อวัยเด็กเตาะแตะนั้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น