แนวทาง
การนำหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พุทธศักราช 2251
ไปใช้อย่างมีประสิทธิผล
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พุทธศักราช ๒๕๕๑
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
ปรับปรุงและพัฒนาจากหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔
เพื่อแก้ไขปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้นในการใช้หลักสูตรที่ผ่านมาและเพื่อช่วยให้การจัดทำหลักสูตรสถานศึกษา
และการจัดการเรียนการสอนในชั้นเรียนมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พุทธศักราช ๒๕๕๑ ยึดหลักการและแนวคิดสำคัญคือ
มีมาตรฐานการเรียนรู้เป็นเป้าหมายในการพัฒนาผู้เรียน (Standards-based curriculum) โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานมีบทบาทหน้าที่ในการกำหนดมาตรฐานการเรียนรู้ขึ้น
มาตรฐานการเรียนรู้มีความสำคัญสำหรับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเช่นเดียวกับหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พุทธศักราช ๒๕๔๔ แต่กำหนดตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง
เพื่อให้ชัดเจนและสะดวกในการจัดการเรียนการสอน
และประเมินผลการเรียนรู้
ใครคือผู้ได้ประโยชน์จากหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พุทธศักราช 2551
1.
ผู้เรียน -
มาตรฐานการเรียนรู้ช่วยให้ผู้เรียนทราบถึงสิ่งที่ตนต้องรู้และปฏิบัติได้
รวมทั้งณะสำคัญ ซึ่งเป็นสิ่งท้าทาย
กระตุ้นให้ผู้เรียนมีความพยายามที่จะก้าวไปให้ถึงจุดนั้น
2.
ผู้สอน - มาตรฐานการเรียนรู้เป็นกรอบและแนวทางในการสร้างหลักสูตร
ออกแบบการเรียนการสอนและการประเมินผล ทำให้ทราบว่าอะไรเป็นสิ่งสำคัญที่นักเรียน
ควรจะรู้ และปฎิบัติได้
3.
ชุมชน ท้องถิ่น และระดับชาติ-
มาตรฐานการเรียนรู้เป็นความคาดหวังทางการศึกษาที่ตั้งไว้ร่วมกัน
ช่วยให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องสื่อสารเข้าใจตรงกันเกี่ยวกับหลักสูตร ทำให้บุคคลและ
ส่วนต่างๆในระบบการศึกษาทำงานร่วมกันในการวางแผนพัฒนาการศึกษาให้มีประสิทธิภาพและมีทิศทางที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
ด้วยเหตุนี้ในการจัดทำ
หลักสูตรการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาผู้เรียนไปสู่มาตรฐาน
ครูผู้สอนและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดทำ หลักสูตร จำ
เป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจเรื่องมาตรฐานและกระบวนการพัฒนาหลักสูตรอิงมาตรฐานเป็นอย่างดี
ลักษณะสำคัญของหลักสูตรอิงมาตรฐาน
การกำหนดมาตรฐานการเรียนรู้เพื่อเป็นเป้าหมายในการพัฒนาการศึกษาเป็นเรื่องสำคัญ
แต่มาตรฐานการเรียนรู้จะไม่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆได้เลย
หากไม่มีการเชื่อมโยงมาตรฐานไปสู่
การปฏิบัติอย่างจริงจัง การสร้างหลักสูตรที่สัมพันธ์หรืออิงกับมาตรฐานการเรียนรู้อย่างชัดเจน
จะช่วยพัฒนาให้ผู้เรียนมีความรู้และทักษะที่จำเป็น ( Carr J.F. & Harris D.E.,
2001, Codd, J., Gordon, L. & Harker,R, 1990) ในการจัดทำหลักสูตรและจัดการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาผู้เรียนไปสู่มาตรฐาน
ครูผู้สอนและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดทำหลักสูตร จำเป็นต้องเข้าใจแนวคิด
หลักการ และแนวปฏิบัติของหลักสูตรอิงมาตรฐานซึ่งมีลักษณะที่สำคัญ คือ
๑. มาตรฐานเป็นจุดเน้นของการพัฒนาหลักสูตรในทุกระดับ
ในระบบการศึกษาที่มีมาตรฐานเป็นเป้าหมายนั้น
กระบวนการพัฒนาหลักสูตรตลอดแนวตั้งแต่
ระดับชาติ ระดับท้องถิ่น ระดับสถานศึกษา
ตลอดจนถึงระดับชั้นเรียนจะต้องเน้นและยึดมาตรฐานการ
เรียนรู้ เป็นหลักและเป้าหมายสำคัญ นักการศึกษา
และนักพัฒนาหลักสูตรในยุคปัจจุบันเชื่อว่า การนำ
มาตรฐานการเรียนรู้ไปสู่หลักสูตรสถานศึกษา
และการเรียนการสอนในชั้นเรียนเป็นเรื่องที่ สำคัญที่สุด
เพราะเป็นขั้นตอนของการนำสิ่งที่คาดหวังในระดับชาติ
ไปก่อให้เกิดผลในการพัฒนาผู้เรียน
ดังนั้นการจัดทำหลักสูตรการเรียนการสอนให้เชื่อมโยงกับมาตรฐาน
จึงเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายควรให้ความสนใจอย่างจริงจัง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลักสูตรสถานศึกษาและการจัดการเรียนการสอนใน ชั้นเรียนนั้น
มีผลโดยตรงต่อผู้เรียน จำเป็นที่ครูผู้สอนต้องเอาใจใส่เป็นพิเศษว่าเป้าหมาย
กิจกรรมการเรียนการสอนสื่อการเรียนการสอน หรือวิธีการประเมินผล
ความสัมพันธ์เชื่อมโยงของมาตรฐานการเรียนรู้ระดับชาติ กับการพัฒนาหลักสูตรในระดับท้องถิ่น
สถานศึกษา และการจัดการเรียนการสอนในชั้นเรียน
๒ . องค์ประกอบของหลักสูตรเชื่อมโยงกับมาตรฐาน
นักการศึกษาและนักพัฒนาหลักสูตรในยุคปัจจุบันเชื่อว่า การนำมาตรฐานการเรียนรู้ไปสู่
หลักสูตร
สถานศึกษาและการเรียนการสอนในชั้นเรียนเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด
เพราะเป็นขั้นตอนของการนำ
สิ่งที่คาดหวังในระดับชาติ ไปก่อให้เกิดผลในการพัฒนาผู้เรียน
ดังนั้นการจัดทำหลักสูตรการเรียนการสอน
ให้เชื่อมโยงกับมาตรฐาน ทุกองค์ประกอบของหลักสูตรไม่ว่าจะเป็นเนื้อหาสาระที่สอน
กิจกรรมการ
เรียนรู้ ชิ้นงาน/ภาระงานที่ผู้เรียนต้องปฏิบัติ
เกณฑ์การวัดและประเมินผล สื่อการเรียนรู้ ต้องเชื่อมโยง
สะท้อนสิ่งที่ต้องการพัฒนาผู้เรียนที่ระบุไว้ในมาตรฐานการเรียนรู้
ในการออกแบบหลักสูตรและจัดการ
เรียนการสอนที่มีคุณภาพ
ผู้เกี่ยวข้องและครูผู้สอนต้องวิเคราะห์คำสำคัญ (Key word) ว่ามาตรฐานและ
ตัวชี้วัดนั้นระบุว่านักเรียนควรรู้อะไร และทำอะไรได้
หรือต้องการให้ผู้เรียนมีคุณลักษณะ เจตคติ คุณธรรม
จริยธรรมอะไร
ข้อมูลจากการวิเคราะห์นี้จะเป็นข้อมูลสำคัญในการกำหนดองค์ประกอบของหลักสูตร
ดังกล่าวต่อไป
๓ . หน่วยการเรียนรู้คือหัวใจของหลักสูตร
การออกแบบหน่วยการเรียนรู้ (Unit of learning) ถือเป็นขั้นตอนที่สำคัญของการจัดทำหลักสูตร
อิงมาตรฐาน เพราะหน่วยการเรียนรู้จะมีรายละเอียดของเนื้อหา
กิจกรรมการเรียนการสอน สื่อการเรียน
การวัดและประเมินผล
ซึ่งจะนำมาตรฐานไปสู่การปฏิบัติในในการจัดการเรียนการสอนใน ชั้นเรียน
อย่างแท้จริง
ปรัชญาการศึกษาในยุคที่ผ่านมานั้นมักจะเน้นการสอนเนื้อหาสาระ
ดังนั้นรูปแบบหลักสูตร
การเรียนการสอนในยุคก่อนจึงมีลักษณะเป็นหลักสูตรอิงเนื้อหา (Content-based curriculum) การวัด
ประเมินผลในหลักสูตรรูปแบบนี้ก็เน้นที่การจดจำเนื้อหาให้ได้มากที่สุด
และเกณฑ์การวัดประเมินผล
ก็กำหนดเป็นจุดประสงค์เชิงพฤติกรรม (Behavioral Objectives) การจัดทำหลักสูตรลักษณะนี้ให้
ความสำคัญกับการเรียนรู้เนื้อหา และการท่องจำ
หลักสูตรแบบอิงมาตรฐานเน้นการออกแบบหน่วยการเรียนรู้ที่มีมาตรฐานเป็นเป้าหมาย
(Standards-based
unit) มีการกำหนดแก่นเรื่องของหน่วย (Theme) ซึ่งเอื้อต่อการหลอมรวมเนื้อหาของ
ศาสตร์สาขาต่างๆ เข้าด้วยกันเป็นหน่วยการเรียนรู้บูรณาการ
และกำหนดงานให้ผู้เรียนปฏิบัติเพื่อฝึกฝนและ
เป็นร่องรอยสำหรับประเมินว่าผู้เรียนมีความรู้ความสามารถถึงระดับที่กำหนดไว้เป็นมาตรฐานหรือไม่
ดังนั้นมาตรฐานที่เป็นเป้าหมายในแต่ละหน่วยการเรียนรู้อาจมีได้หลายมาตรฐาน
และอาจมาจากหลากหลาย
สาขาวิชา และอาจมีทั้งมาตรฐานที่เป็นเนื้อหา มาตรฐานที่เน้นทักษะกระบวนการ
(Carr,
J.F. & Harris,
D.E.,
2001) การจัดการเรียนรู้เป็นหน่วยลักษณะนี้ เนื้อหาสาระ
และกิจกรรมจึงเป็นเพียงหนทาง
(means)
ที่จะนำพาผู้เรียนไปถึงหลักชัย (Ends) คือมาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด
ผู้เรียนอาจบรรลุถึง
มาตรฐานเดียวกันด้วยเนื้อหาและวิธีการที่แตกต่างกันได้ นักวิชาการ
และนักพัฒนาหลักสูตรในยุคปัจจุบัน
เชื่อว่าหลักสูตรลักษณะนี้สอดคล้องกับความต้องการของผู้เรียนและท้องถิ่นอย่างแท้จริง
๔ . กระบวนการ และขั้นตอนการจัดทำหลักสูตรมีความยืดหยุ่น
ในการออกแบบหลักสูตรการเรียนการสอนอิงมาตรฐานนั้น สามารถทำได้หลายรูปแบบ
เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้บรรลุถึงเป้าหมายเดียวกัน
มิได้มีการกำหนดหรือจัดลำดับขั้นตอนที่แน่นอนตายตัว
ขึ้นอยู่กับเหตุผล วัตถุประสงค์ และความจำเป็นของแต่ละบริบท (Carr J.F. & Harris D.E.,
2001;
Solomon,
P.G. ,1998) เช่น อาจเริ่มต้นจากการวิเคราะห์มาตรฐานการเรียนรู้
หรืออาจเริ่มจากการกำหนด
หัวข้อ/ประเด็นปัญหาที่น่าสนใจ
หรือเริ่มจากบทเรียนที่มีอยู่เดิมแล้ว โดยเชื่อมโยงหัวข้อหรือบทเรียนนั้นๆ
ว่าสอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้ใดบ้าง อย่างไรก็ตาม
รูปแบบที่เป็นที่รู้จักและใช้อย่างแพร่หลายที่สุดคือ
การออกแบบย้อนกลับ ( Backward design ) ซึ่งเป็นรูปแบบที่สมาพันธ์ทางการนิเทศและพัฒนาหลักสูตร
(Association for Supervision and Curriculum Development) ของสหรัฐอเมริกาและผู้เชี่ยวชาญด้าน
หลักสูตรจำนวนมากเสนอแนะ
ว่าเป็นการออกแบบหลักสูตรที่มีประสิทธิภาพในการพัฒนาผู้เรียนไปสู่
มาตรฐานโดยการเอาผลลัพธ์สุดท้ายที่ต้องการคือคุณภาพผู้เรียนตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดเป็น
ตัวตั้งการออกแบบหลักสูตรลักษณะนี้จะเริ่มต้นจากการวิเคราะห์มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัดที่กำหนด
เป็นเป้าหมายของหน่วยการเรียนการสอนแล้วจึงกำหนดชิ้นงานหรือภาระงานที่ต้องการให้ผู้เรียนปฏิบัติ
และกำหนดเกณฑ์ในการประเมินงานก่อนการกำหนดกิจกรรมการเรียนการสอน
การเริ่มต้นแต่ละวิธีมีทั้ง
ข้อดีและข้อจำกัด
ครูผู้สอนจึงควรใช้วิธีการที่หลากหลายและพิจารณาตามความเหมาะสม
๕ . การประเมินผลสะท้อนมาตรฐานอย่างชัดเจน
มาตรฐานและการประเมินผลมีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด
การวัดและประเมินผลถือว่าเป็นจุดที่
สำคัญที่สุดขั้นตอนหนึ่งของการจัดทำหลักสูตรแบบอิงมาตรฐาน
แนวคิดด้านการศึกษาในยุคปัจจุบันได้
ปรับเปลี่ยนจากยุคที่เน้นพฤติกรรมนิยม (Behaviorism) ซึ่งวัดประเมินผลการเรียนรู้ตามจุดประสงค์ย่อย
เป็นยุคที่ให้ความสำคัญแก่การประเมินในองค์รวมโดยเทียบเคียงกับมาตรฐานเป็นสำคัญ
นักวิชาการใน
ยุคของการปฏิรูปการศึกษาที่มีมาตรฐานเป็นเป้าหมาย
ต่างมีความเห็นสอดคล้องกันว่าการจะพัฒนา
คุณภาพการศึกษาได้อย่างประสบความสำเร็จนั้น มาตรฐานต้องเป็นตัวเทียบเคียง
การวัดและประเมินผลในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551
มี 4 ระดับคือ 1. ระดับชั้นเรียน
2. ระดับสถานศึกษา 3. ระดับเขตพื้นที่การศึกษา
4. ระดับชาติ
ที่สำคัญในการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ในทุกระดับ
ไม่ว่าจะเป็นระดับชาติ ระดับท้องถิ่นหรือเขตพื้นที่การศึกษา และที่สำคัญที่สุดคือ
ระดับสถานศึกษา และระดับชั้นเรียน (Solomon, P.G.,1998;
Newmann
F.M., Secada W.G., and Wehlage G.G.,1995 ) ดังนั้นเกณฑ์ต่างๆ หรือร่องรอยหลักฐาน
ในการประเมินผลการเรียนจะต้องเชื่อมโยงและสะท้อนมาตรฐานการเรียนรู้อย่างชัดเจน
และมีความชัดเจน
ในการที่จะบ่งชี้ได้ว่าผู้เรียนบรรลุถึงมาตรฐานหรือไม่ เพียงใด
หากยังไม่บรรลุมีจุดใดบ้างที่จะต้องพัฒนา
ข้อมูลจากการประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียนนี้ นับเป็นข้อมูลสำคัญมากในการประกันคุณภาพการศึกษา
เพื่อพัฒนาเยาวชนของชาติให้มีคุณภาพตามที่มุ่งหวังต่อไป
ปัจจัยสู่ความสำเร็จ
การพัฒนาและใช้หลักสูตรในระบบการศึกษาที่มีมาตรฐานเป็นเป้าหมาย
จะประสบความสำเร็จมากน้อยพียงใดขึ้นอยู่กับปัจจัยที่เกี่ยวข้องหลายประการ
ที่สำคัญได้แก่
๑. การมีส่วนร่วม : พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช ๒๕๔๒
ได้มุ่งเน้นการ
กระจายอำนาจและการมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา โดยให้หน่วยงานต่างๆ
ทุกระดับ ทั้งระดับชาติ
เขตพื้นที่การศึกษา สถานศึกษา ตลอดจนชุมชนและผู้เกี่ยวข้อง
ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา
และการพัฒนาหลักสูตร
ดังนั้นการจัดศึกษาขั้นพื้นฐานให้บรรลุจุดมุ่งหมายได้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ในการพัฒนาหลักสูตรทุกระดับ
ต้องมีการประสานสัมพันธ์และความร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ ผู้มีส่วนได้
ส่วนเสีย ซึ่งรวมถีงภาคธุรกิจเอกชน บิดามารดา ผู้ปกครอง
และบุคคลในชุมชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้
การพัฒนาและใช้หลักสูตรเป็นไปอย่างมีคุณภาพและประสิทธิภาพ
๒.
มุ่งสู่เป้าหมายเดียวกัน: มาตรฐานการเรียนรู้เป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงเป้าหมาย
หรือความคาดหวัง
ทางการศึกษาที่ต้องการให้เกิดในตัวผู้เรียนทุกคน ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องยึดเป้าหมายเดียวกัน
คือ
การพัฒนาผู้เรียนไปสู่มาตรฐานการเรียนรู้ ดังนั้น การกำหนดนโยบาย
และการดำเนินงานต่างๆ
ของหน่วยงานทางการศึกษาทั้งในระดับชาติ ระดับท้องถิ่น
และระดับสถานศึกษาต้องตระหนักและมุ่งไปในสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้การจัดการศึกษามีความชัดเจนและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
๓. การบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ: การจัดหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานจะประสบความสำเร็จต้องมีการบริหารจัดการที่ดี
มีการวางแผน และดำเนินงานอย่างเป็นระบบ ต่อเนื่อง และมีการส่งเสริมสนับสนุน
ทั้งด้านงบประมาณ ทรัพยากร บุคลากร ตลอดจนมีการพัฒนาศักยภาพผู้เกี่ยวข้อง
เพราะสิ่งเหล่านี้จะส่งผลต่อประสิทธิภาพในการดำเนินงานในการพัฒนาเยาวชนของชาติไปสู่คุณภาพตามมาตรฐานการเรียนรู้ที่กำหนดไว้
๔. การมีระบบกำกับตรวจสอบคุณภาพที่ดี: การพัฒนาคุณภาพผู้เรียนในระดับการศึกษา
ขั้นพื้นฐาน เป็นรากฐานของการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ
จึงนับเป็นภารกิจที่สำคัญยิ่ง
จำเป็นต้องมีระบบกำกับติดตามคุณภาพของการจัดการศึกษา
เพื่อให้มั่นใจว่าผู้เรียนมีความก้าวหน้าในการ
เรียนรู้และบรรลุคุณภาพตามมาตรฐานที่กำหนด
รวมทั้งต้องมีกิจกรรมที่ชัดเจนถึงการดำรงรักษามาตรฐาน
อย่างต่อเนื่องในทุกระดับ
จะต้องมีการรายงานผลการตรวจสอบคุณภาพสู่สาธารณะ และผู้ที่เกี่ยวข้อง
ได้ทราบ ตลอดจนมีการนำผลการตรวจสอบประเมินคุณภาพไปเป็นข้อมูลในการปรับปรุงการจัดการศึกษา
เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพตามที่คาดหวังไว้ต่อไป
หลักสูตรแกนกลาง
ความหมายของหลักสูตรแกนกลาง
หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นหลักสูตรที่ใช้ในการจัดการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาผู้เรียน
ในระดับการศึกษาที่ต่ำกว่าอุดมศึกษา
โดยมุ่งหวังให้ผู้เรียนมีความสมบูรณ์ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และ
สติปัญญา อีกทั้งมีความรู้และทักษะที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิต
และมีคุณภาพได้มาตรฐานสากลเพื่อ
การแข่งขันในยุคปัจจุบัน
หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานประกอบด้วยส่วนสำคัญ คือ หลักสูตร
แกนกลาง ส่วนที่เกี่ยวข้องกับสภาพชุมชนและท้องถิ่น
และส่วนที่สถานศึกษาพัฒนาเพิ่มเติมให้
สอดคล้องกับความต้องการของตนเอง
๑) หลักสูตรแกนกลาง เป็นหลักสูตรในส่วนที่กำหนดโดยหน่วยงานส่วนกลาง
(สพฐ.)
เพื่อให้ทุกโรงเรียนในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ใช้ในการจัดการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาผู้เรียนทุกคน
หลักสูตรแกนกลางระบุสิ่งที่จำเป็นสำหรับพัฒนาเยาวชนไทยทุกคนให้เป็นพลเมืองดีของชาติ
และ
สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างมีความสุข ก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ
สังคม ความเจริญทาง
วิทยาการในโลกยุคปัจจุบัน องค์ประกอบสำคัญของหลักสูตรแกนกลาง
ได้แก่ วิสัยทัศน์ หลักการ
จุดหมาย สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์
มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด
สาระการเรียนรู้แกนกลาง โครงสร้างเวลาเรียนพื้นฐาน และเกณฑ์การวัดประเมินผลกลาง
๒) ส่วนที่เกี่ยวข้องกับสภาพชุมชนและท้องถิ่น จัดทำโดยสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
หรือ
หน่วยงานที่รับผิดชอบระดับท้องถิ่น
ซึ่งหน่วยงานดังกล่าวต้องเป็นหลักในการประสานความ
ร่วมมือระหว่างโรงเรียนและชุมชน
ในการจัดทำเอกกรอบหลักสูตรระดับท้องถิ่น ซึ่งมีข้อมูลสำคัญ
เกี่ยวกับเป้าหมาย/จุดเน้นในการพัฒนาผู้เรียนในท้องถิ่น
สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น และการประเมิน
คุณภาพผู้เรียนระดับท้องถิ่น
ทั้งนี้ไม่จำเป็นต้องกำหนดมาตรฐานการเรียนรู้เพิ่มเติมในระดับท้องถิ่น
๓) ส่วนที่สถานศึกษาพัฒนาเพิ่มเติม เพื่อให้สอดคล้องเหมาะสมกับจุดเน้นของสถานศึกษา
ความสนใจ ความต้องการและความถนัดของผู้เรียน
หรือเพื่อพัฒนาศักยภาพของผู้เรียนในระดับสูง
ทั้งนี้ไม่จำเป็นต้องกำหนดมาตรฐานการเรียนรู้เพิ่มเติม
กระบวนการพัฒนามาตรฐานการเรียนรู้และหลักสูตรแกนกลาง
การพัฒนามาตรฐานการเรียนรู้และหลักสูตรแกนกลาง (core curriculum) เป็นหน้าที่รับผิดชอบของ
สพฐ.ตาม พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติซึ่งได้ระบุในมาตรา ๒๗
ให้คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานกำหนดหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานเพื่อความเป็นไทย
ความเป็นพลเมืองดีของชาติ การดำรงชีวิต และการประกอบอาชีพ ตลอดจนเพื่อการศึกษาต่อ
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานนับเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง
เพราะใช้เป็นกรอบทิศทางในการพัฒนาเยาวชนในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานของชาติ
สถานศึกษาในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานทุกแห่งในประเทศ ไม่ว่าจะอยู่แห่งใด ภูมิภาคใด
หรือไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่
จะต้องใช้หลักสูตรแกนกลางในการจัดการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาผู้เรียนไปสู่มาตรฐานการเรียนรู้
ตามที่กำหนดในหลักสูตร
ดังนั้นการพัฒนามาตรฐานการเรียนรู้และหลักสูตรแกนกลางจึงเป็นกระบวนการที่สำคัญ
ต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบ บนฐานข้อมูลที่ชัดเจน
โดยมีลำดับขั้นตอนในการดำเนินการสำคัญดังนี้
๑) ศึกษาผลการวิจัยและติดตามการใช้หลักสูตร
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม วิทยาการต่างๆในประเทศ
และในโลกยุคปัจจุบัน รวมทั้ง
แนวโน้มในการเปลี่ยนแปลงในอนาคต
เพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐานสำคัญในการปรับปรุงหลักสูตร
ทั้งมาตรฐานการเรียนรู้ ที่เป็นเป้าหมายคุณภาพของผู้เรียน
โครงสร้างเวลาเรียน เนื้อหา และการวัด
ประเมินผลการเรียนรู้ให้เหมาะสมและทันต่อการเปลี่ยนแปลง
๒) ดำเนินการปรับปรุงและพัฒนาหลักสูตรแกนกลาง แต่งตั้งคณะกรรมการ/
คณะทำงาน
ปรับปรุงพัฒนาหลักสูตร
คณะกรรมการ/คณะทำงานดังกล่าวประกอบด้วยบุคคลจากหลายฝ่าย
ครอบคลุมทั้งผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้อหา นักการศึกษา
นักจิตวิทยาการเรียนรู้ ผู้บริหาร และ
ครูผู้สอน เพื่อให้เกิดความคิดมุมมองที่หลากหลายและรอบด้าน
๓) รับฟังความคิดเห็นผู้เกี่ยวข้อง ในกระบวนการพัฒนาหลักสูตรนั้น
เปิดโอกาสให้ทุก
ภาคส่วนได้เข้ามามีบทบาท
และมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นในการพัฒนาหลักสูตรแกนกลางซึ่งเป็น
เป้าหมายและกรอบทิศทางในการพัฒนาเยาชนของชาติ
๔) นำร่างหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
เสนอคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ
และเสนอกระทรวงศึกษาธิการเพื่อประกาศใช้หลักสูตร
๕) นำ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานสู่การปฏิบัติ
ในระดับท้องถิ่นและ
สถานศึกษา
๖) วิจัย ติดตามผลการใช้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
การพัฒนาหลักสูตรเป็น
กระบวนการที่ไม่หยุดนิ่ง (Dynamic) จำเป็นต้องมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
เพื่อให้ทัน
ต่อความก้าวหน้า และความเปลี่ยนแปลงทางวิทยาการและสังคม
การบริหารจัดการหลักสูตรระดับเขตพื้นที่ (ระดับท้องถิ่น)
ในระบบการศึกษาที่มีการกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นและสถานศึกษามีบทบาทในการพัฒนา
หลักสูตรนั้น สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
หรือหน่วยงานต้นสังกัดอื่น ๆ ในระดับท้องถิ่นเป็น
หน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
และความต้องการ
ของท้องถิ่น สู่การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาและการจัดการเรียนการสอนในชั้นเรียน
อีกทั้งเป็น
หน่วยงานที่มีภารกิจหลักในการขับเคลื่อนการจัดการศึกษาของโรงเรียนภายใต้การดูแลรับผิดชอบใน
เขตพื้นที่ ให้จัดการศึกษาได้อย่างมีคุณภาพและประสิทธิภาพ
เพื่อพัฒนาผู้เรียนไปสู่มาตรฐานการ
เรียนรู้ซึ่งเป็นเป้าหมายที่กำหนดไว้ร่วมกันในระดับชาติ
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
นอกจากนั้น จะต้องปลูกฝังให้ผู้เรียนเป็นสมาชิกที่ดีของชุมชน
มีความรักความภาคภูมิใจในบ้านเกิด
เมืองนอนและท้องถิ่นของตน
เพื่อให้การจัดการศึกษาภายในท้องถิ่นบรรลุผลดังกล่าว
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา/
หน่วยงานระดับท้องถิ่นจะต้องจัดทำกรอบหลักสูตรระดับท้องถิ่น
สำหรับสถานศึกษาใช้เป็นแนวทาง
ในการจัดการเรียนการสอนในเรื่องเกี่ยวกับชุมชน ท้องถิ่น
โดยดำเนินการให้ฝ่ายต่างๆ อาทิ โรงเรียน
ผู้ปกครอง ปราชญ์ในท้องถิ่น นักธุรกิจในชุมชน
ได้มีส่วนร่วมในกระบวนการจัดทำกรอบหลักสูตร
ดังกล่าว เพื่อให้ได้แนวคิด มุมมองที่หลากหลาย
ครอบคลุมเรื่องสำคัญที่ผู้เรียนในท้องถิ่นควรเรียนรู้
และมีความสอดคล้องกับสภาพ ปัญหา
และความต้องการของท้องถิ่นอย่างแท้จริง
นอกจากนั้น เขตพื้นที่การศึกษาจะต้องส่งเสริม
สนับสนุนและช่วยเหลือสถานศึกษา
ภายในเขตพื้นที่ให้สามารถจัดทำหลักสูตรสถานศึกษาได้อย่างมีคุณภาพ
ตลอดจนช่วยพัฒนาผู้บริหาร
สถานศึกษาให้มีวิสัยทัศน์และเป็นผู้นำทางวิชาการ
พัฒนาครูผู้สอนให้มีความรู้ความเข้าใจเรื่องการ
พัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา
และสามารถจัดการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพื่อให้ชุมชน
และผู้ปกครองเกิดความมั่นใจว่าลูกหลานของตนได้รับการศึกษาที่ดี
เขตพื้นที่การศึกษาและหน่วยงาน
ระดับท้องถิ่นจะต้องจัดให้มีระบบการกำกับ ดูแล
และตรวจสอบคุณภาพการจัดการศึกษาของ
สถานศึกษาอย่างต่อเนื่อง เป็นระยะๆ
พร้อมทั้งรายงานข้อมูลย้อนกลับแก่โรงเรียนเพื่อการปรับปรุง
หลักสูตรการเรียนการสอนให้ดียิ่งขึ้น
การจัดทำกรอบหลักสูตรระดับเขตพื้นที่ (ท้องถิ่น)
เขตพื้นที่การศึกษามีบทบาทสำคัญในการพัฒนาหลักสูตรในส่วนที่สอดคล้องกับสภาพและ
ความต้องการของท้องถิ่น
ดังนั้นสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาจะต้องเป็นตัวกลางในการประสานความ
ร่วมมือกับโรงเรียน และชุมชน
ในการร่วมกันคิดและจัดทำกรอบหลักสูตรระดับท้องถิ่น เพื่อให้
สถานศึกษาภายในเขตพื้นที่ใช้เป็นแนวทางในการจัดการเรียนการสอนในเรื่องเกี่ยวกับท้องถิ่นในแง่มุม
ต่างๆ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม ฯลฯ
เพื่อให้ผู้เรียนได้มีโอกาสเรียนรู้เรื่องราวของชุมชน
ท้องถิ่น ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมในชีวิตจริงของตนเอง
ทำให้เกิดความรักความผูกพันกับท้องถิ่น มีความ
ภาคภูมิใจในบ้านเกิดเมืองนอน เป็นสมาชิกที่ดีของชุมชน ตลอดจนสามารถแก้ปัญหา
พัฒนาชีวิต
ตนเอง พัฒนาอาชีพ ครอบครัว และสังคมของตนเองได้
ขั้นตอนการจัดทำกรอบหลักสูตรระดับท้องถิ่น
๑. แต่งตั้งคณะกรรมการ/ คณะทำงาน : คณะกรรมการชุดนี้ควรประกอบด้วย
ผู้อำนวยการเขต
พื้นที่การศึกษา/ ผู้บริหารส่วนราชการระดับท้องถิ่น
ผู้บริหารสถานศึกษาในท้องถิ่นทั้งระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา ครูผู้สอน
ผู้แทนชุมชน เป็นต้น
๒. วิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อมูลจากเอกสารและแหล่งข้อมูลต่างๆ อาทิ
หลักสูตรแกนกลาง
การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ รวมทั้งศึกษาสภาพ
แนวโน้มการเปลี่ยนแปลง บริบท
สภาพ ปัญหา ความต้องการของท้องถิ่น ชุมชน
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนในพื้นที่ เป็นต้น
๓. ดำเนินการจัดทำกรอบหลักสูตรระดับท้องถิ่น :
ในการดำเนินการจัดทำกรอบหลักสูตร
ระดับท้องถิ่นให้มีคุณภาพ จะต้องมีการวางแผนงานที่ชัดเจนเพื่อให้เห็นภาพการทำงานตลอดแนว
ด้วยกระบวนการทำงานแบบมีส่วนร่วม
๔. รับฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้อง อาทิ ครูผู้สอน ผู้ปกครอง
ปราชญ์ในชุมชน และ
หน่วยงานธุรกิจ ฯลฯ เพื่อนำข้อคิดเห็นจากฝ่ายต่างๆ
มาปรับปรุงกรอบหลักสูตรให้มีความเหมาะสม
ชัดเจนยิ่งขึ้น
๔. เสนอคณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษา/
คณะกรรมการระดับท้องถิ่นเพื่อให้ความเห็นชอบ
องค์ประกอบสำคัญของกรอบหลักสูตรระดับท้องถิ่น
กรอบหลักสูตรระดับท้องถิ่น
๑. เป้าหมาย/จุดเน้น: เขตพื้นที่การศึกษา/ หน่วยงานระดับท้องถิ่น
เป็นหน่วยงานสำคัญที่
จะช่วยขับเคลื่อนการจัดการศึกษาของสถานศึกษาภายในเขต/ท้องถิ่น
เพื่อให้สามารถพัฒนาผู้เรียนให้
บรรลุคุณภาพตามมาตรฐานการเรียนรู้ ตามหลักสูตรแกนกลาง
และผู้เรียนได้มีโอกาสเรียนรู้ในเรื่อง/เกี่ยวกับชุมชน ท้องถิ่น
ในการจัดการศึกษาให้บรรลุผลดังกล่าว เขตพื้นที่การศึกษาอาจกำหนเป้าหมาย/
จุดเน้น ที่ต้องการให้เด่นชัดเป็นการเฉพาะ
เพื่อให้สถานศึกษาได้เล็งเห็นทิศทางในการพัฒนาการศึกษา
ในท้องถิ่น เช่น การพัฒนาด้านการอ่านออกเขียนได้ การคิดวิเคราะห์
เป็นต้น เป้าหมาย/จุดเน้นนั้น
ควรกำหนดเป็นคุณภาพที่ต้องการให้เกิดขึ้นในตัวผู้เรียน มิควรกำหนดในสิ่งที่ก่อให้เกิดข้อจำกัดต่อ
การจัดการเรียนการสอนในระดับสถานศึกษา
๒. สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น:
เป็นส่วนที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับหัวข้อ/ประเด็นสำคัญที่ผู้เรียนใน
ท้องถิ่นควรเรียนรู้หรือได้รับการปลูกฝัง
ในฐานะที่เป็นสมาชิกของชุมชนนั้น เพื่อให้เกิดความรัก
ความภาคภูมิใจ และต้องการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์สภาพแวดล้อม
ภูมิปัญญาท้องถิ่น สภาพแวดล้อม
ในท้องถิ่น
การกำหนดสาระการเรียนรู้ท้องถิ่นควรกำหนดในขอบเขตประเด็นสำคัญ พร้อมทั้งมี
คำอธิบายประกอบในแต่ละประเด็นพอสังเขป
เพื่อครูผู้สอนใช้เป็นแนวทางในการจัดให้ผู้เรียนได้
เรียนรู้ในเรื่องเกี่ยวกับท้องถิ่น เช่น
ประวัติความเป็นมาของท้องถิ่น สภาพภูมิอากาศ ภูมิประเทศ
เศรษฐกิจ สังคม วิถีชีวิต ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี
ภูมิปัญญาท้องถิ่น สภาพปัญหา และเหตุการณ์
สำคัญในชุมชนและสังคมนั้นๆ รวมทั้งข้อมูลแนวโน้มการพัฒนาท้องถิ่น
เป็นต้น
การจัดทำสาระการเรียนรู้ท้องถิ่นอาจได้จากการวิเคราะห์
รวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ
เช่น
วิเคราะห์มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดของกลุ่มสาระการเรียนรู้ทั้ง ๘
กลุ่มสาระตามหลักสูตร
แกนกลาง ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับชุมชนและท้องถิ่น
รวมทั้งข้อมูลจากการศึกษา สำรวจสภาพ ปัญหา
การเปลี่ยนแปลงต่างๆที่เกิดขึ้นในสังคม/ชุมชน
เพื่อนำมาสังเคราะห์จัดเป็นหมวดหมู่ เพื่อสถานศึกษาใช้
เป็นแนวทางในการจัดการเรียนรู้ต่อไป
การพัฒนากรอบหลักสูตรท้องถิ่น
การส่งเสริมสนับสนุนระดับท้องถิ่น
การพัฒนาบุคลากร
การพัฒนาบุคลากร เป็นการเตรียมความพร้อมของบุคคลที่เกี่ยวข้อง เช่น
ครู ผู้บริหาร
โรงเรียน บุคลากรทางการศึกษา ฯลฯ
เพื่อช่วยส่งเสริมสนับสนุนการใช้หลักสูตรแบบอิงมาตรฐานให้
ประสบความสำเร็จ
การพัฒนาบุคลากรต้องจัดทำให้เป็นกระบวนการที่ต่อเนื่อง เป็นระบบ เน้นการ
สร้างความเข้าใจแก่ผู้บริหารโรงเรียน ครู และบุคลากรทางการศึกษา
ให้ปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ในเป้าหมายในการพัฒนาผู้เรียน
รวมทั้งการวัดและประเมินผลการเรียนรู้แบบอิงมาตรฐานการพัฒนาบุคลากรที่มีประสิทธิภาพนั้น
จะต้องมีแผนปฏิบัติการที่ชัดเจน และต้องคำนึงถึงกลุ่มบุคคลที่จะพัฒนาให้สอดคล้องกับภารกิจ
หน้าที่รับผิดชอบ เพื่อให้การขับเคลื่อนการพัฒนาหลักสูตรประสบความสำเร็จ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น